top of page

ประโยค

ประโยคในภาษาไทย หากพิจารณาตามโครงสร้างมี 3 ประเภท คือ ประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อน

 

ประโยคความเดียว

ประโยคความเดียว คือ ประโยคที่มีใจความสำคัญเพียงใจความเดียว อย่างไรก็ดี ประโยคความเดียวก็อาจมีความซับซ้อนได้ เช่น

 

            ที่ห้องที่บ้านของฉันเหนือภูผาสูงที่จังหวัดตากทาสีชมพู

            การส่งเสริมกีฬาในร่มแก่คนหนุ่มสาวช่วยส่งเสริมพลานามัยที่สมบูรณ์ –

            รูปปั้นช้างงาเดียวสีขาวเขี้ยวยาวตัวสูงใหญ่สีดำมีรายละเอียดมาก

          นักกีฬาวิ่งกระโดดกระโจนข้ามรั้วด้วยความดีใจ

            นักเรียนค่อยๆ ดึงสุนัขออกจากกรง

           

ประโยคความรวม

ประโยคความรวม คือ ประโยคที่มีใจความมากกว่าหนึ่ง มักปรากฏคำเชื่อม และการเชื่อมความใน 4 ลักษณะ คือ การเชื่อมแบบคล้อยตาม การเชื่อมแบบขัดแย้ง การเชื่อมแบบให้เลือก และการเชื่อมแบบเป็นเหตุเป็นผลกัน ตัวอย่างของประโยคความรวมที่มีความซับซ้อน เช่น

 

            สุนัขป่าออกวิ่งไล่ตามติดเหยื่อ แต่ฝูงสิงโตเข้ามาแย่งชิงเหยื่อไปได้

            นักเรียนไม่ตั้งใจเรียน และขาดเรียนมากเกินไป จึงไม่มีความรู้และสอบตก

            ป่าไม้ให้ความชุ่มชื้นทำให้โลกเย็น ดังนั้น ถ้าคนทำลายป่าไม้เพิ่มขึ้นจะทำให้โลกร้อนขึ้น

  

 

ประโยคความซ้อน

ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความร่วมกันแบบใจความหลักกับใจความรอง แบ่งเป็น 3 ประเภทของการซ้อนความ คือ นามานุประโยค (ทำหน้าที่เป็นเหมือนนามในประโยค)คุณานุประโยค (ขยายคำนาม ตามหลังคำว่า ที่ ซึ่ง อัน) และวิเศษณานุประโยค (ขยายกริยา และวิเศษณ์ มักตามหลังคำว่า ให้ ว่า)

 

            นักกีฬาขาดการฝึกซ้อมทำให้แข่งขันตกรอบสุดท้ายนำความเสียใจมาสู่ทุกคน

            ละครที่ครูและนักเรียนแสดงร่วมกันได้รับความชื่นชมมาก

            เขาบอกว่า เขายิงโจรอย่างไม่ลังเลด้วยกระสุน 6 นัดจนตายคาที่

            การพิจารณาประโยคอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การพิจารณาจากเจตนาในการสื่อสาร แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

  1. ประโยคแจ้งให้ทราบ (บอกเล่า, ปฏิเสธ)

แม่ชอบกินขนมถ้วยที่ขายอยู่ตรงปากทางเข้าตลาด

แม่ไม่อยากไปงานนี้เพราะไม่มีคนรู้จักไปด้วย

 

  1. ถามให้ตอบ (คำถาม)

เธอชอบทำการบ้านตอนกลางคืนเสมอหรือ

 

  1. บอกให้ทำ (ขอร้อง, คำสั่ง)

กรุณาตอบให้ตรงคำถาม

ห้ามเดินลัดสนาม

อ้างอิง

www.gotoknow.orp

bottom of page